วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สีโปสเตอร์ (POSTER COLOUR)
 

          สีโปสเตอร์  เป็นสีชนิดสีฝุ่น (Tempera) ที่ผสมกาวน้ำบรรจุเสร็จเป็นขวด  การใช้งานเหมือน กับสีน้ำ คือใช้น้ำเป็นตัวผสมให้เจือจาง สีโปสเตอร์เป็นสีทึบแสง มีเนื้อสีข้น สามารถระบายให้มี เนื้อเรียบได้ และผสมสีขาวให้มีน้ำหนักอ่อนลงได้เหมือนกับสีน้ำมัน หรือสีอะครีลิค สามารถระบายสีทับกันได้  มักใช้ในการวาดภาพ ภาพประกอบเรื่อง ในงานออกแบบ ต่างๆ ได้สะดวก ในขวดสีโปสเตอร์มีส่วนผสมของกลีเซอรีน จะทำให้แห้งเร็ว 





การผสมสีอย่างง่ายๆ

ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับเป็นแค่เทคนิคเล็กๆน้อยๆสำหรับผู้เริ่มต้นไปจนถึงมือ อาชีพน่ะครับผมเองก็ใช้หลักนี้ในการผสมสีเหมือนกัน ลองทำดู คุณทำได้ค้าบ

การผสมสีของแม่สีหลัก

สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน

สีที่เหตุจากการผสมของแม่สีหลักถือเป็นสีขั้นที่ 2

สีแดง+สีเหลือง = สีส้ม

แดง+น้ำเงิน = ม่วง


เหลือง + น้ำเงิน = เขียว ......................หมายเหตุ การผสมสีหลักนั้นสามารถนำมาใช้กับสีเคลียร์ของกันเซ่ได้


การผสมสีของแม่สีหลัก ขั้นที่ 2

แดง + ส้ม = แดงส้ม

แดง + เขียว = น้ำตาล


แดง + ม่วง = ม่วงแดง


น้ำเงิน + ส้ม = น้ำตาล


น้ำเงิน + เขียว = น้ำเงินเขียว


น้ำเงิน + ม่วง = น้ำเงินม่วง


เหลือง + ส้ม = ส้มเหลือง


เหลือง + เขียว = เขียวเหลือง


สีที่เกิดจากการผสมของแม่สีหลักกับสีขั้นที่ 2 ถือเป็นขั้นที่ 3แดง + ขาว = ชมพู


แดง + ดำ = ดำอมแดง


แดง + เงิน = แดงเมทัลลิค


เหลือง + ขาว = ขาวอมเหลือง


เหลือง + ดำ = ดำอมเหลือง


เหลือง + เงิน = เหลืองเมทัลลิค


น้ำเงิน + ขาว = ฟ้า


น้ำเงิน + ดำ = ดำอมน้ำเงิน


น้ำเงิน + เงิน = น้ำเงินเมทัลลิค


สำหรับสีเหลืองเมทัลลิค ถ้าใส่ส้มไปอีกนิดตามอัตราส่วนที่ผสมก็จะดูออกป็นสีทองได้ครับ


การผสมสีของ สีขาว สีดำ สีเงิน


ขาว + ดำ = เทา


ขาว + เงิน = มุก


ดำ + เงิน = เมทัลลิค


สีตรงข้าม


แดง ตรงข้ามกับ เขียว


แดงส้ม ตรงข้ามกับ น้ำเงินเขียว


ส้ม ตรงข้ามกับ น้ำเงิน


ส้มเหลือง ตรงข้ามกับ น้ำเงินม่วง


เหลือง ตรงข้ามกับ ม่วง


เขียวเหลือง ตรงข้ามกับ ม่วงแดง


สีร้อนมีอยู่ 7 สี


ม่วง


ม่วงแดง


แดง


ส้มแดง


ส้ม


ส้มเหลือง


เหลือง


สีเย็นมีอยู่6 สี อันสุดท้ายไม่แน่ใจนะ


ม่วง


น้ำเงินม่วง


น้ำเงิน


น้ำเงินเขียว


เขียว


เขียงเหลือง


สีม่วงเป็นได้ทั้ง สีร้อน และ สีเย็น

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แคบสุดในแผ่นดินสยาม

ด่านสิงขร เป็น เส้นทางคมนาคมข้ามผ่านแผ่นดินคาบสมุทร จากชายฝั่งทะเลด้านหนึ่ง ไปยังชายฝั่งทะเลอีกด้านหนึ่ง นั่นคือจากฝั่งไทยไปยังฝั่งพม่า เรียกว่า "เส้นทางข้ามคาบสมุทร" เป็นที่นิยมของนักเดินทางค้าขายทางทะเล ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางอ้อมไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งอาจมีอุปสรรคในการเดินทาง ที่มีผลจากสภาพอากาศหรือโจรสลัด
  

ในปัจจุบัน
ด่านสิงขร ได้กลายเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้า ระหว่างชายแดนไทยและพม่า และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในจังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ จำหน่ายสินค้าพื้นเมืองของคนไทยและคนพม่า สินค้าที่มีจำหน่ายได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักซึ่งเป็นงานฝีมือ เหมาะสำหรับเป็นของใช้และตกแต่งบ้าน ต้นไม้ต่างๆ รวมถึงเครื่องประดับที่ทำจากหินและพลอยหลากชนิด
นอก จากนั้น ในช่วงเช้าของวันเสาร์ จะมีการเปิดด่านให้ มีการค้าขายระหว่างเพื่อนบ้านของเรา โดยจะมีสินค้าพื้นบ้านต่างๆเข้ามาค้าขาย ให้เลือกซื้อ หรือเดินดูวิถีชีวิต และวัฒนธรรมการต่างๆ เช่นภาษา และการแต่งกาย
  


ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการจัดงานขึ้นบริเวณด่านสิงขร มีการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน 2551 จะมีการเปิดด่านให้นักท่องเที่ยว ได้เข้าไปในส่วนของหมู่บ้านบูด่อง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เพื่อดูวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของหมู่บ้านชายแดน โดยมีรถสองแถวให้บริการนักท่องเที่ยว

ส่วน ที่แคบที่สุดจะอยู่ที่ตำบลห้วยทรายซึ่งวัดระยะได้ 10.96 กิโลเมตร วัดตามแนวจากสันปันน้ำของทิวเขาตะนาวศรีจนถึงฝั่งทะเล ตามแนวที่ตัดผ่านหลักกิโลเมตร 340.4 บนถนนเพชรเกษม ซึ่งบริเวณนั้นก็จะมีป้ายบอกว่าแคบที่สุดของประเทศ

  

ถ้า หากขับรถรวดเดียวจากบางเบิดรีสอร์ทกลับไปยังที่พักของท่าน มันทำให้เหนื่อยล้า ก็แวะพักซื้อของที่ระลึกชาร์จแบทที่ด่านสิงขรนี่แหละ ครับ รับรองว่า ขับไปเที่ยวไป ไม่มีเหนื่อยแน่นอน

มหัศจรรย์ สันทรายบางเบิด

ถ้าจะถามว่าชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เริ่มต้นจากอำเภอไหน แน่นอนหลายคนตอบได้ทันทีว่าที่ “หัวหิน” แต่ถ้าเปลี่ยนมาถามว่า แล้วชายฝั่งของ จ. ประจวบคีรีขันธ์ ไปสิ้นสุด ณ ที่ใด ใครรู้บ้าง ยิ่งถามว่าจังหวัดชุมพร เริ่มต้นที่อำเภอไหน หลายคนคงต้องกางแผนที่ตอบคำถามกันเลยที่เดียว เพราะทั้งอำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก แต่ว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าค้นหามากมาย
  
      
 แต่เปรียบเสมือนว่าช้างเผือกย่อมอยู่ในป่าฉันใด ของดีๆก็มีแอบซ่อนอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อของสองจังหวัดนี้ฉันนั้น “แนวสันทรายบางเบิด” คือ ช้างเผือกที่กล่าวถึง สันทรายกองใหญ่มหึมา เม็ดทรายเล็กละเอียดดุจแป้ง กองพาดผ่านเส้นทางริมชายฝั่ง ระหว่าง บ้านบางเบิด ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่รอยต่อในบ้านถ้ำธง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เป็นเนินสันทรายที่ได้รับการยกย่องว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งอยู่ใกล้กับบางเบิดรีสอร์ทเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเสริมนอกจากการดำน้ำดูปะการังที่เกาะทะลุ และตกหมึก


      
   


ลมเพ...ลมพัด...สันทราย
      
       เม็ดทรายละเอียดขาวสูงกว่า 30 เมตร ตลอดระยะทางที่ยาวถึง 10 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ทอดตัวคู่ขนานกับชายหาดรูปจันทร์เสี้ยว ขนาบข้างด้วยป่าเขา คือ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ออกแบบโดยน้ำและลม

ปรากฏการณ์ สันทรายเช่นนี้ ใช่ว่าจะเกิดกันได้ง่ายๆ ต้องอาศัยปัจจัยหลายประการ ลมที่พัดต้องแรงสม่ำเสมอต่อเนื่องยาวนาน หน้าทะเลเปิดโล่ง หาดทรายในระยะน้ำขึ้นลงกว้างพอที่จะให้เม็ดทรายแห้งทัน และปลิดปลิวตามลมขึ้นมาจนชายฝั่งยกตัวต่อเนื่อง ค่อยๆทับถมทีละเล็กทีละน้อยจนกลายเป็นเนินสันทรายขนาดมหึมา แม้อาจเทียบไม่ได้กับสันทรายบาง แห่งในต่างประเทศ เช่น ประเทศออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์ ที่มีสันทรายใหญ่กว่านี้หลายเท่า แต่ถ้าพูดถึงในเมืองไทยสันทรายบางเบิดคืออันดับหนึ่ง
 

        
เดินป่าศึกษาพรรณไม้
      
       และใช่ว่าบางเบิดจะมีดีอยู่เพียงสันทรายเท่านั้น หลังเนินสันทรายแห่ง นี้ ยังเป็นแหล่งกำเนิดป่าเนินทรายที่มหัศจรรย์ไม่แพ้กัน เพราะปกคลุมด้วยพืชพันธุ์เฉพาะถิ่นกว่า 150 ชนิด ที่หาดูได้ยากในที่อื่นๆ ของประเทศ
      
          
 พันธุ์ ไม้จากป่าพรุ ป่าชายหาด ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง มางอกงามร่วมกันบนเนินทรายแห่งนี้ แข่งกันอวดดอกอวดผล และส่งกลิ่นหอมอบอวลตลอดปี ในที่เดียวกันนี้ยังมีป่าผสม ระบบวนเกษตรตามแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้ศึกษากันอีกด้วย

  

ป่าผสมแห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ “โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จังหวัดชุมพร” สถานที่ 1 ใน 19 แห่ง ในโครงการ "เปิดทองหลังพระ ท่องเที่ยวสืบสานโครงการพระราชดำริ" ซึ่งเป็นกิจกรรมเฉลิมฉลองในวโรกาสพระบาทสมเด็จอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา
      
       “โครงการพัฒนาส่วนพระองค์ จ.ชุมพร” ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ตั้งอยู่บนเนินทรายเป็น ที่ดินที่ราษฎรน้อมเกล้าถวายและได้ออกเป็นโฉนดที่ดิน แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพื้นที่ทั้งหมด 448 ไร่ 3 งาน 17 ตรว. เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2514 เป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ ที่เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีพระราชประสงค์ให้สถานที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่อนุรักษ์อันคงสภาพแวดล้อมเดิมของพื้นที่ คือ สภาพสันทรายและสภาพป่าธรรมชาติไว้เป็นห้องเรียนธรรมชาติ เพื่อศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจ ทั้งยังมีพระราชประสงค์ให้เป็นสถานที่ปรับปรุงบำรุงดินตามความเหมาะสมกับการ ปลูกแตงโมพันธุ์บางเบิด ซึ่งเป็นพันธุ์แตงโมที่มีชื่อเสียงของพื้นที่นี้มานาน